เมนู

ฉาตกภัยเห็นปานนี้ ในที่ข้าพเจ้าเกิดอีกเลย, ตั้งแต่บัดนี้ไป ข้าพเจ้าพึง
สามารถเพื่อจะให้ภัตอันเป็นพืชแก่ชาวชมพูทวีปทั้งสิ้น, ไม่พึงทำการงาน
เลี้ยงชีพด้วยมือของตนเอง, ในขณะที่ข้าพเจ้าใช้ให้คนชำระฉาง 1,250
ฉางแล้ว สนานศีรษะนั่งอยู่ที่ประตูแห่งฉางเหล่านั้นแล้ว แลดูในเบื้องบน
เท่านั้น ธารแห่งข้าวสาลีแดง พึงตกลงมายังฉางทั้งหมดให้เต็มเพื่อ
ข้าพเจ้า, และผู้นี้นั่นแหละจงเป็นภรรยา, ผู้นี้นั่นแหละจงเป็นบุตร, ผู้นี้
นั่นแหละจงเป็นหญิงสะใภ้, ผู้นี้นั่นแหละจงเป็นทาสของข้าพเจ้า ใน
สถานที่ข้าพเจ้าเกิดแล้ว ๆ."

ทั้ง 5 คนปรารถนาให้ได้อยู่ร่วมกัน


ฝ่ายภรรยาของเศรษฐีนั้น ก็คิดว่า " เมื่อสามีของเราถูกความหิว
เบียดเบียนอยู่ เราก็ไม่อาจเพื่อจะบริโภคได้" จึงถวายส่วนของตนแก่
พระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วตั้งความปรารถนาว่า "ข้าแต่ท่านผู้เจริญ จำเดิม
แต่นี้ ดิฉันไม่พึงประสบฉาตกภัยเห็นปานนี้ ในสถานที่ดิฉันเกิดแล้ว, อนึ่ง
แม้เมื่อดิฉันวางถาดภัตไว้ข้างหน้า ให้อยู่ซึ่งภัตแก่ชาวชมพูทวีปทั้งสิ้น,
ดิฉันยังไม่ลุกขึ้นเพียงใด, ที่แห่งภัตที่ดิฉันตักแล้ว ๆ จงเป็นของบริบูรณ์
อยู่อย่างเดิมเพียงนั้น, ท่านผู้นี้แหละจงเป็นสามี, ผู้นี้แหละจงเป็นบุตร,
ผู้นี้แหละจงเป็นหญิงสะใภ้, ผู้นี้แหละจงเป็นทาส (ของดิฉัน)," แม้บุตร
ของเศรษฐีนั้น ก็ถวายส่วนของตนแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ตั้งความ
ปรารถนาว่า " จำเดิมแต่นี้ไป ข้าพเจ้าไม่พึงประสบฉาตกภัยเห็นปานนี้,
อนึ่ง เมื่อข้าพเจ้าถือเอาถุงกหาปณะหนึ่งพัน แม้ให้กหาปณะ แก่ชาว
ชมพูทวีปทั้งสิ้นอยู่ ถุงนี้จงเต็มอยู่อย่างเดิม, ท่านทั้งสองนี้นั่นแหละจง
เป็นมารดาบิดา, หญิงคนนี้จงเป็นภรรยา, ผู้นี้จงเป็นทาส ของข้าพเจ้า."

แม้ลูกสะใภ้ของเศรษฐีนั้น ถวายส่วนของตนแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว
ก็ตั้งความปรารถนาว่า "จำเดิมแต่นี้ไป ดิฉันไม่พึงพบเห็นฉาตกภัยเห็น
ปานนี้, อนึ่ง เมื่อดิฉันตั้งกระบุงข้าวเปลือกกระบุงหนึ่งไว้ข้างหน้า แม้ให้
อยู่ซึ่งภัตอันเป็นพืชแก่ชาวชมพูทวีปทั้งสิ้น ความหมดสิ้นไปอย่าปรากฏ.
ท่านทั้งสองนี้นั่นแหละจงเป็นแม่ผัวและพ่อผัว, ผู้นี้นั่นแหละจงเป็นสามี.
ผู้นี้นั่นแหละจงเป็นทาส (ของดิฉัน)." แม้ทาสของเศรษฐีนั้น ก็ถวาย
ส่วนของตนแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ก็ตั้งความปรารถนาว่า "จำเดิม
แต่นี้ไป ข้าพเจ้าไม่พึงพบเห็นฉาตกภัยเห็นปานนี้, คนเหล่านี้ทั้งหมดจง
เป็นนาย, และเมื่อข้าพเจ้าไถนาอยู่, รอย 7 รอยประมาณเท่าเรือโกลน
คือ 'ข้างนี้ 3 รอย ข้างโน้น 3 รอย ในท่ามกลาง 1 รอย, จงเป็นไป."
นายปุณณะนั้น ปรารถนาตำแหน่งเสนาบดีก็สามารถจะได้ในวันนั้นเทียว.
แต่ว่า ด้วยความรักในนายทั้งหลาย เขาจึงตั้งความปรารถนาว่า "คน
เหล่านี้นั่นแหละจงเป็นนายของข้าพเจ้า." ในที่สุดแห่งถ้อยคำของชน
ทั้งหมด พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่า "จงเป็นอย่างนั้นเถิด" แล้วกระทำ
อนุโมทนาด้วยคาถาของพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วคิดว่า "เรายังจิตของชน
ทั้งหลายเหล่านี้ให้เลื่อมใส ย่อมควร" จึงอธิษฐานว่า "ชนเหล่านี้ จง
เห็นเราจนถึงภูเขาคันธมาทน์" ดังนี้แล้วก็หลีกไป. แม้ชนเหล่านั้น ได้
ยืนแลดูอยู่เทียว. พระปัจเจกพุทธเจ้านั้นไปแล้ว แบ่งภัตนั้นกับด้วย
พระปัจเจกพุทธเจ้า 500 องค์. ด้วยอานุภาพแห่งพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น
ภัตนั้นเพียงพอแล้วแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด. ชนแม้เหล่านั้นได้ยืน
แลดูอยู่ทีเดียว.

อานิสงส์ของการถวายทาน


ก็เมื่อเวลาเที่ยงล่วงไปแล้ว ภรรยาเศรษฐีล้างหม้อข้าวแล้วปิดตั้งไว้,
ฝ่ายเศรษฐีถูกความหิวบีบคั้น นอนแล้วหลับไป. เศรษฐีนั้นตื่นขึ้นใน
เวลาเย็น กล่าวกะภรรยาว่า " นางผู้เจริญ ฉันหิวเหลือเกิน, ข้าวตัง1
ก้นหม้อมีอยู่บ้างไหมหนอ ?" ภรรยานั้น แม้ทราบความที่ตนล้างหม้อตั้ง
ไว้แล้ว ก็ไม่กล่าวว่า " ไม่มี " " คิดว่าเราเปิดหม้อข้าวแล้วจึงจะบอก"
ดังนี้แล้ว จึงลุกขึ้นไปสู่ที่ใกล้หม้อข้าวแล้วเปิดหม้อข้าว.
ในขณะนั้นเอง หม้อข้าวเต็มด้วยภัต มีสีเช่นกับดอกมะลิตูม ได้
ดุนฝาละมีตั้งอยู่แล้ว. ภรรยานั้นเห็นภัตนั้นแล้ว เป็นผู้มีสรีระอันปิติถูก
ต้องแล้ว กล่าวกะเศรษฐีว่า " จงลุกขึ้นเถิดนาย, ดิฉันล้างหม้อข้าวปิด
ไว้, แต่หม้อข้าวนั้นนั่นเต็มด้วยภัต มีสีเช่นกับด้วยดอกมะลิตูม, ชื่อว่า
บุญทั้งหลายควรที่จะกระทำ, ชื่อว่าทานควรจะให้; ขอท่านจงลุกขึ้นเถิด
นาย, บริโภคเสียเถิด." ภรรยานั้นได้ให้ภัตแก่บิดาและบุตรทั้งสองแล้ว.
เมื่อบิดาและบุตรนั้นบริโภคเสร็จแล้ว นางนั่งบริโภคกับด้วยลูกสะใภ้แล้ว
ได้ให้ภัตแก่นายปุณณะ. ที่แห่งภัตอันชนเหล่านั้นตักแล้ว ๆ ย่อมไม่สิ้น
ไป. ปรากฏเฉพาะตรงที่ตักด้วยทัพพีคราวเดียวเท่านั้น.
ในวันนั้นนั่นแล ฉางเป็นต้น ก็กลับเต็มแล้วโดยทำนองที่เต็มใน
ก่อนนั่นแล. นางให้กระทำการโฆษณาในเมืองว่า " ภัตเกิดขึ้นแล้วใน
เรือนของเศรษฐี, ผู้มีความต้องการด้วยภัตอันเป็นพืชจงมารับเอา."
มนุษย์ทั้งหลาย ถือเอาภัตอันเป็นพืชจากเรือนของเศรษฐีนั้นแล้ว. แม้
ชาวชมพูวีปทั้งสิ้น ก็อาศัยเศรษฐีนั้น ได้ชีวิตแล้วนั่นแล.
1. เมล็ดข้าวอันไฟไหม้ทั้งหลาย.